วันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2559

คดีสะเทือนขวัญ! ความโหดเหี้ยมหลังม่านเหล็ก ข่มขืนฆ่าดับอนาถทั้งแม่ลูก

loading...

ในระหว่างการสืบคดีหาตัวฆาตกรอยู่นั้น ฆาตกรก็ยังคงฆ่าเหยื่อต่อไป จนเรียกได้ว่าฆาตกรก้าวนำตำรวจหลายก้าว 11 พฤษภาคม 1984 ศพของทันยา เปโทรสยัน วัย 32 และสเตฟาลูกวัย 11 ปี ถูกพบในป่า ศพของสเตฟามีรอยถูกกัดที่หลอดลมอย่างรุนแรง ผู้เป็นแม่ถูกผ่าท้อง มดลูกถูกฉีกทึ้ง และโยนทิ้งในพุ่มไม้ 2 เดือนต่อมา วันที่ 19 กรกฎาคม 1984 แอนนา ลิมิชิวา วัย 19 หายตัวไประหว่างกลับบ้าน 6 เดือนต่อมาจึงพบศพ ร่างของเธอถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ การตามล่าฆาตกรเริ่มต้นอีกครั้ง นักสืบ 50 นาย และตำรวจในเครื่องแบบอีก 500 คนถูกระดมเพื่อคดีนี้โดยเฉพาะภายใต้การนำของวิทาลี กาลยูลิน                เป้าหมาย
loading...
คือฆาตกรต้องเป็นชายวัยกลางคนอายุ 25-30 ปี รูปร่างสูง บึกบึน กรุ๊ปเลือด AB เป็นคนฉลาดรู้ทันตำรวจ มีสัญชาติญาณระมัดระวังตัวสูง อาจพักอยู่กับภรรยาหรือมารดา และเคยเป็นคนไข้โรคจิตมาก่อน มีความรู้เรื่องสรีระวิทยา มีความเชี่ยวชาญในการใช้มีด และที่สำคัญคดีนี้ไม่อนุญาตให้หนังสือพิมพ์ทำข่าว และเตือนภัยใด ๆ เกี่ยวกับฆาตกรต่อเนื่องรายนี้โดยเด็ดขาด คืนวันที่ 27 มีนาคม 1984 ตำรวจรอสตอฟได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า พบชายต้องสงสัยคนหนึ่งเป็นชายวัยกลางคนพยายามหว่านล้อมเด็กข้างถนน หรือเด็กที่ผ่านไปมาบริเวณสถานีรถไฟด้วยเงินหรือเหล้าวอดก้าเพื่อให้มีเซ็กซ์ด้วย เด็กส่วนใหญ่พากันวิ่งหนี            ตำรวจรีบรุดไปที่เกิดเหตุ และไม่กี่นาทีต่อมาชายชื่อ "อันเดร โรโนวิช ชิกาทิโล" วัย 40 กว่า ถูกนำเข้าห้องขัง อันเดรยอมรับว่าเขาไล่จับเด็กเพื่อสนองความต้องการทางเพศจริง แต่เขาไม่ใช่นักเชือดรอสตอฟ และก็ไม่ได้เป็นเกย์ เขามีครอบครัวที่เป็นสุข มีอาชีพที่ดีเป็นถึงผู้จัดการของบริษัทเครื่องจักรกล แต่ทำอย่างนี้เพื่อ “เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง” เท่านั้นเอง ตอนแรกตำรวจไม่พบพิรุธในตัวอันเดรจึงปล่อยตัวไป แต่หลังจากนั้นอันเดรก็ยังคงไล่จับเด็กในสถานีรถไฟหลายครั้ง จนตำรวจอดสงสัยไม่ได้ว่าหมอนี้เป็นนักเชือดหรือเปล่า เลยจับกุมกลับมาอีกครั้ง คราวนี้มีการค้นกระเป๋าและเอกสารของอันเดร พบว่าในกระเป๋ามีมีดทำครัวคมกริบหนึ่งด้าม กระปุกวาสลิน เชือกหนึ่งขด และผ้าขี้ริ้วเล็ก ๆ หนึ่งผืน ไม่มีสิ่งใดบ่งบอกเลยสักนิดว่าเขาเป็นผู้จัดการบริษัทขายเครื่องจักรกล ตำรวจเริ่มมั่นใจว่าเจ้าอันเดรนี้ต้องเป็นนักเชือดแห่งรอฟตอสแน่นอน ตำรวจขอเก็บตัวอย่างเลือดส่งตรวจเพื่อเปรียบเทียบตัวอย่างน้ำอสุจิที่ได้จากฆาตกร แต่........การตรวจสอบกินเวลาถึงสองเดือน ผลออกมาทำให้ตำรวจเข่าอ่อน น้ำอสุจิเกิดเสื่อมสภาพ การทดสอบล้มเหลว น้ำอสุจิของฆาตกรไม่ตรงกับตัวอย่างเลือดของอันเดร และอันเดรถูกปล่อยเป็นอิสระ
loading...
แม้อันเดรจะพ้นจากการกล่าวหาว่าเป็นฆาตกร แต่ไม่นานนักเขาก็ถูกจับเข้าคุกอีกข้อหาลักทรัพย์ เจ้าทรัพย์ยืนยันที่จะเอาผิด ส่งผลให้อันเดรถูกจำคุก 3 เดือน เป็นความผิดเล็ก ๆ ที่ตำรวจต้องบาดใจ ตำรวจถึงทางตัน ใครคือฆาตกร? 2 กันยายนปีเดียวกัน นาตาซา โกโลซอฟสกายา นอนตายที่สวนสาธารณะเอวิเอเตอร์ กลางเมืองรอสตอฟ หน้าอกและมดลูกถูกคว้านออกจากร่างกาย26 กันยายน พบเด็กชายวัย 11 ปี เอ็ด ซาซา เซเพล นอนตายในป่าเครื่องเพศหายไป ตำรวจหายังไงก็ไม่พบ คาดว่าฆาตกรคงกินมันไปแล้ว การฆ่าก็ยังดำเนินต่อไป ในขณะที่ตำรวจถึงคราวตัน แวบหนึ่งของความคิด หัวหน้าทีมสืบสวนของรัสเซียนึกถึง FBI ของสหรัฐอเมริกา พวกนั้นน่าจะมีคำตอบ เขารีบติดต่อขอความช่วยเหลือทันที FBI ตอบกลับ ขอข้อมูลเกี่ยวกับคดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสภาพศพและหลักฐานแวดล้อม แล้วให้ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาฆาตกรรมต่อเนื่องมาวิเคราะห์ เพียงไม่นานผู้เชี่ยวชาญของสหรัฐฯ ถูกส่งไปยังรัสเซีย การวิเคราะห์นั้นน่าสนใจอย่างยิ่ง            “ฆาตกรต้องใช้มีดปลายแหลมทะลุแทงเหยื่อให้หูหนวกก่อนลงมือทารุณกรรม “กรณีที่เป็นเด็กผู้ชาย ไม่เพียงตัดลูกอัณฑะเท่านั้น แต่ฆาตกรยังกินมันด้วย แสดงว่าฆาตกรต้องบกพร่องทางเพศ และอาจมีความเชื่อว่าอัณฑะของเด็กช่วยรักษาอาการของตนได้ ฆาตกรฆ่าเหยื่อหลังจากที่ทรมานให้หน่ำใจแล้วโดยการกัดหลอดลม เหยื่อทุกรายต้องทำให้หูหนวก ตาบอด เป็นใบ้ก่อนชำแหละ นั้นแปลว่าพวกเขาถูกชำแหละทั้งเป็น!! “ทำไมฆาตกรถึงต้องควักนัยน์ตาเหยื่อหรอ? จากการวิเคราะห์ฆาตกรจะต้องมีความเชื่อว่าฆาตกรกลัวดวงตาที่เหลือกลานของเหยื่อขณะที่เขาลงมือ หรือไม่ก็ได้ยินมาว่าแก้วตาของเหยื่อที่ถูกฆ่าตายจะบันทึกภาพฆาตกรเอาไว้ ฆาตกรอาจเคยเป็นครู แต่ขณะนี้ไม่ได้เป็นแล้ว เขาต้องเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ สังเกตจากการพบศพในที่ต่าง ๆ กัน อาจมีรถเป็นของตัวเอง (ซึ่งต้องเป็นคนระดับสูงในรัสเซียเท่านั้น) หรืออาจเดินทางโดยรถไฟ             ฆาตกรรายนี้ไม่ใช่คนบ้าเพราะเขาจะต้องลงมืออย่างชาญฉลาดในเวลาที่เหมาะสม ฆาตกรสามารถควบคุมพฤติกรรมของตัวเองทุกขั้นทุกตอนของการกระทำ มีความคิดว่ามันมีพรสวรรค์ในการฆ่าคน ฉลาดวิปริต ชอบร่วมเพศกับเด็ก นิสัยของฆาตกร น่าจะเป็นพวกชอบความอำมหิตพอดู ชอบดูเหยื่อที่ตายช้า ๆ อย่างทรมานตรงหน้าเพื่อบรรลุจุดสุดยอด เช่น มันใช้ค้อนทุบที่ศีรษะของเหยื่ออย่างรุนแรงให้หมดความรู้สึก ต่อจากนั้นก็ใช้มีดชำแหละร่างกายของเหยื่อเพื่อความสะใจขณะที่เหยื่อยังมีลมหายใจ มันนั่งใกล้กับร่างของเหยื่อที่นองไปด้วยเลือด มีบาดแผลเหวอะหวะทั่วตัว ท่ามกลางคาวเลือดที่ฟุ้งกระจาย ฆาตกรแหวะเครื่องในต่าง ๆ อย่างมันมือ จากนั้นก็สำเร็จความใคร่ มันโหดกว่าแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์เสียอีก"            หลังจากการพบศพผู้หญิงในรอสตอฟในปี ค.ศ. 1985 นักชำแหละแห่งรอฟตอสอยู่ ๆ ก็หยุดลงมือ และแล้วในฤดูใบไม้ผลิ นักฆ่าแห่งรอสตอฟมันก็กลับมาอีกครั้ง ในมาดที่แปลกไป............วันที่ 6 เมษายน 1988 มีการพบศพหญิงสาวข้างทางรถไฟ ในสภาพที่มือไพล่หลัง ลำตัวถูกกระหน่ำแทงทั้งตัว กระโหลกยุบ และปลายจมูกถูกตัดขาดออก แต่ตำรวจรวมทั้งนักสืบ วิคเตอร์ บูราคอฟ ไม่กล้าตัดสินใจว่าเป็นคดีเดียวกันกับฆาตกรต่อเนื่องคดีแรก เพราะร่องรอยผิดกัน ในวันที่17 พฤษภาคม 1988 มีผู้พบศพเด็กชายวัย 8 ปี ในป่าไม่ไกลจากสถานีรถไฟมากนัก ผลจากการชันสูตร พบว่ามีร่องรอยข่มขืนทางทวารหนัก ฆาตกรหาขยะที่หาได้จากแถวนั้นยัดเข้าปากเด็กชาย พร้อมกระหน่ำแทงซ้ำแล้วซ้ำเล่า อวัยวะเพศถูกตัดขาด ทว่าหลังจากศพเด็กคนล่าสุดก็พบอีกหนึ่ง ศพที่พบเป็นหญิงสาว ศพนี้ได้ร่องรอยที่ดีมาก ๆ นั่นคือ มีพยานเห็นว่าเคยเห็นหญิงสาวผู้ตายคนนี้ เธอชื่อว่า วอรองโก ก่อนตายเธออยู่กับชายฟันเลี่ยมทอง วัยสูงอายุ และแล้วโชคก็เข้าข้างบูราคอฟ เนื่องจากผลการตรวจคราบอสุจิของกองนิติเวชถูกส่งมา สรุปว่า *ฆาตกรไม่ได้มีกรุ๊ปเลือด AB เนื่องจากไม่สามารถตรวจได้แน่ชัด จึงขอเปลี่ยนผลสรุปเป็น "ไม่อาจระบุกรุ๊ปเลือดได้" วันที่ 6 เมษายน 1989 พบศพเด็กชายวัย 16 ปี ถูกฆ่าหมกป่า รายนี้มีการแจ้งหายตั้งแต่ฤดูร้อนที่ผ่านมา สภาพร่างกายถูกแทงหลายแผล อวัยวะเพศถูกคว้านออกมาทั้งหมด ยกเว้นลูกนัยน์ตาเท่านั้นที่ไม่ถูกควัก มันเป็นการฆาตกรรมของฆาตกรรายเดียวชัด ๆ ในเวลานั้นผู้ต้องสงสัย ยูริ คาเลนนิคได้รับการปล่อยตัวออกจากคุกพอดี หลังจากถูกคุมตัวสืบสวนนานถึง 5 ปี ตำรวจบุกเข้ามารวบตัวถึงบ้าน แต่หลังจากสืบสวนแล้วก็ถูกปล่อยตัวในเวลาไม่นานนัก วันที่ 11 พฤษภาคมปีเดียวกัน ตำรวจรับแจ้งเด็กหายเป็นเด็กวัย 8 ปี ศพถูกพบในสภาพโหดสุด ๆ ในป่าละเมาะใกล้ทางรถไฟที่เด็กหายตัวไป มีร่องรอยการข่มขื่นทางทวารหนักอย่างรุนแรง เครื่องเพศถูกคว้าน ฆาตกรหาขยะแถวนั้นยัดจนเต็มปาก มีรอยถูกแทงซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่ลำตัว ศีรษะมีรอยยุบ สิงหาคม 1989 อีเลน่า วาร์กา นักศึกษาชาวฮังกาเรียน ถูกพบเป็นศพในป่าละเมาะใกล้ทางรถไฟ ตามร่างกายถูกแทงและคว้านเหมือนศพอื่น ๆ ที่พบมา 2 สัปดาห์ถัดมา อเล็กไซ โคห์โบตอฟ อายุ 10 ขวบ หายตัวไป อีก 4 เดือนถัดมา ต้นปี ค.ศ. 1990 มีผู้พบศพถูกข่มขืนทางทวารหนักในเขตเลโซโพโลซ่า ต่อมาไม่นานนักมีผู้พบศพเด็กอายุ 10 ขวบถูกฆ่าอย่างทารุณ อวัยวะเพศถูกตัดออกไปทั้งพวง ลิ้นแหว่งหายไป เห็นได้ชัดว่า ฆาตกรเริ่มเปลี่ยนการล่าเหยื่อหันมาล่าเด็กชายมากกว่าผู้หญิง รูปแบบการฆ่าเด็กผู้ชายจะเหมือนกัน กล่าวคือฆาตกรจะจับมือไพล่ไว้ด้านหลังป้องกันไม่ให้เหยื่อขัดขืน หลังจากนั้นจะบีบปากเหยื่อให้อ้า กัดลิ้นและดึงลิ้นจนหลุดออกเพื่อไม่ให้เหยื่อร้องขอความช่วยเหลือ ขณะที่เหยื่อทรมานถึงสุดขีด การแล่เนื้อก็เริ่มขึ้น มีการข่มขืนทางทวารหนัก จากนั้นก็เอามีดแทงหู ควักนัยน์ตาออกจากเบ้า ทั้งหมดนี้ทำในขณะเหยื่อมีชีวิต             8 ปีที่ผ่านมานักชำแหละเชือดเหยื่อไปทั้งสิ้น 38 ศพ การปิดข่าวของตำรวจเริ่มไม่ได้ผล หนังสือพิมพ์เริ่มประโคมข่าวใส่สีตีไข่ขนาดหนัก ว่าตำรวจไร้น้ำยา รัฐมนตรีระดับสูงเริ่มกดดันเอาผิดตำรวจชั้นผู้น้อยกันจ้าละหวั่น ในช่วงปลายทศวรรษที่ 80 ตำรวจได้ระดมพลอีกครั้งอย่างมโหฬาร จนนับได้ว่านี้เป็นการปฏิบัติการของตำรวจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
loading...
ก็ว่าได้ ตำรวจหลายพันนาย ทั้งในและนอกเครื่องแบบถูกระดมรวมกันที่เมืองรอสตอฟจนแทบเดินชนกัน บางคนแต่งตัวเป็นชาวไร่ชาวนาไปเฝ้าที่ป่าละเมาะถึงที่ บางคนปลอมเป็นโสเภณีทั้งชายและหญิง บางคนเป็นคนจรจัด ฯลฯ ส่วนผู้เชี่ยวชาญเดินสายสัมภาษณ์นักเรียนทุกโรงเรียนว่าเห็นชายน่าสงสัยหรือเปล่า ตำรวจหลายร้อยนายได้รับมอบหมายให้ยืนเฝ้าสังเกตตามสถานีรถไฟทุกแห่งทั้งนอกทั้งในชานเมือง ชายวัยกลางคนทุกคนที่เดินมากับเด็กหญิงกับเด็กชายถูกตรวจสอบและถ่ายรูปเอาไว้ แต่กระนั้นยังมีคนถูกชำแหละเพิ่มขึ้นอีก            วันที่ 11 สิงหาคม ค.ศ. 1990 อีวาน โฟมิน วัย 11 ปี ไปเล่นน้ำในบึงไม่ไกลจากระท่อมของย่าตัวเองมากนัก จากนั้นก็กลายเป็นศพเหมือนเหยื่อรายอื่น ศพถูกแทง 42 แผล และชำแหละอย่างเคย และต่อมาก็พบเหยื่อผู้หญิงถูกทุบตีและแทงอย่างบ้าคลั่งและลิ้นหายไป และแล้วการปฏิบัติการตามล่านักชำแหละแห่งรอสตอฟก็บรรลุผล.....            วันที่ 1 พฤศจิกายน ปี ค.ศ. 1990 เมื่อจ่าอิเกอร์ ไรบาร์กอฟ เฝ้าสังเกตการณ์ ณ สถานีรถไฟ ชานเมือง เขาสังเกตถึงความผิดปกติ สถานีแห่งนั้นติดอยู่กับชายป่าที่คนทำงานจำนวนหนึ่งมีบ้านพักอยู่แถวนั้น จ่าอิเกอร์เริ่มสะดุดตากับชายคนหนึ่ง อายุราว 50 ศีรษะล้าน แต่งตัวสะอาดสะอ้านกำลังเดินผ่านมา เขาจึงเรียกชายผู้นั้นให้หยุดเพราะเห็นอะไรบางอย่างบนหน้าสะอาดและแจ่มใส มันคือจุดสีแดงเล็ก ๆ คล้ายกับเลือดพุ่งกระเด็นติดหน้า ทราบชื่อภายหลัง คือ อันเดร โรมาโนวิช ชิกาทิโลเจ้าเก่านั้นเอง! อันเดรถูกจับอีกครั้ง เขาไม่สามารถอธิบายได้ว่าเลือดที่กระเซ็นมาติดหน้านี้มาจากไหน ตำรวจทำการค้นหาป่าทุกตารางนิ้ว และในเวลาอันรวดเร็วตำรวจก็พบร่างของโสเภณี สเวตา โกรอสติก ถูกพบในพุ่มไม้ ถือได้ว่าเป็นเหยื่อรายสุดท้าย รายที่ 52!!! ที่ถูกค้นพบ สรุปคือ....มีเหยื่อถึง 52 ราย (อาจมากกว่านี้) สังเวยให้ฆาตกรรายนี้
loading...

Unknown

About Unknown

Author Description here.. Nulla sagittis convallis. Curabitur consequat. Quisque metus enim, venenatis fermentum, mollis in, porta et, nibh. Duis vulputate elit in elit. Mauris dictum libero id justo. Mauris dictum libero id justo.

© 2013 THAIDD. WP Converted by .
Proudly Powered by Blogger.